เจาะลึกความซับซ้อนของระบบกลไกนาฬิกา Complication: ตอนที่ 2

Discovering Watch Complications Part 2 At Cortina Watch Featured

ระบบกลไกนาฬิกาที่มีความซับซ้อนย่อมเป็นที่ต้องการมากกว่านาฬิกาที่ทำได้เพียงแค่บอกเวลา ด้วยการเป็นเหมือนสิ่งที่ห่อหุ้มความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์, ความผูกพันทางอารมณ์, การสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติที่ยาวนานหลายศตวรรษ, พรสวรรค์ด้านงานฝีมือ และการส่งต่อมรดกจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งหมดนี้นำไปสู่การยกระดับเพื่อสร้างนาฬิกาให้มีหน้าที่มากกว่าการแสดงเวลา แต่เป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะแบบย่อส่วนขึ้นมา

สำหรับนาฬิกากลุ่มนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ Complication ที่มีความหมายถึงระบบกลไกที่ซับซ้อน โดยมีหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ความซับซ้อนเพียงไม่กี่กลไกที่คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ จนถึงระดับสูงที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักผ่านบทความนี้

ระบบกลไก Complication ที่มีความซับซ้อนสูงถือเป็นความท้าทายทั้งด้านการพัฒนา และการกำหนดโครงสร้างตัวเรือนเพื่อรองรับระบบกลไกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Chronograph กลไกที่สามารถจับเวลาแบ่งเป็นช่วง, Minute Repeater กลไกระฆังบอกเวลาที่สามารถกำหนดได้ตามต้องการ, ปฏิทินถาวร (Perpetual Calendar) กลไกที่มีความแม่นยำสูงในการคำนวณวัน และ Tourbillon (ตูร์บิญง) การพัฒนากลไกนาฬิกาให้มีความเที่ยงตรงมากขึ้นด้วยการออกแบบให้ทำงานต้านแรงโน้มถ่วงของโลก 

แต่จะเห็นว่ามีผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำเพียงไม่กี่แบรนด์ที่สามารถสร้างระบบกลไก Complication ที่มีความซับซ้อนระดับสูง ซึ่งต้องอาศัยทั้งเทคนิค และงานฝีมือที่ละเอียดอ่อน โดยนาฬิกาที่ถูกเลือกมานำเสนอเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้ที่หลงใหลเรือนเวลา — ไม่แตกต่างจากความชื่นชอบในงานศิลปะ — ที่ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธรรมเนียมที่สืบทอด, ความคิดสร้างสรรค์ และงานฝีมือ

Tourbillon – กลไกตูร์บิญง

Moser & Cie. Pioneer Tourbillon Arctic Blue

Hmoser 3804 1208 Pioneer Tourbillon Arctic Blue At Cortina Watch

ระบบกลไกอัตโนมัติ HMC 804 มาพร้อมสายใยนาฬิกา (Hairspring) แบบคู่เพื่อช่วยให้การทำงานของกลไกมีความเที่ยงตรง และสม่ำเสมอ

ระบบกลไก Tourbillon ถูกประดิษฐ์ขึ้นเมื่อปี 1801 โดย Abraham-Louis Breguet ด้วยการใช้กรงหมุนเพื่อบรรจุชิ้นส่วนสำคัญของกลไกนาฬิกาเพื้อต้านแรงโน้มถ่วงของโลกที่ส่งผลกระทบต่อความเที่ยงตรงของการแสดงเวลา

นาฬิกาข้อมือกลไก Tourbillon สมัยใหม่ได้รับการยกย่องในด้านพรสวรรค์ทางเทคนิคเช่นเดียวกับการถ่ายทอดงานฝีมือที่งดงาม และ H. Moser & Cie. นำเสนอทั้ง 2 สิ่งพร้อมกันใน Pioneer Tourbillon Arctic Blue นาฬิกาเรือนนี้ดึงดูดความสนใจด้วยความซับซ้อนที่ได้รับการยกย่อง ในขณะเดียวกันได้ยกระดับให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วยเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความเฉพาะตัว โดยตัวเรือนเหล็ก 40 มม. จะแสดงกลไก Tourbillon ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาบนหน้าปัดสีน้ำเงิน Arctic Blue ที่งดงามด้วยขั้นตอนไล่ระดับโทนสีที่เรียกว่า Fumé พร้อมตกแต่งผิวแบบ Sunburst ที่เป็นเอกลักษณ์ของ H. Moser & Cie. เพิ่มความเชื่อมั่นด้วยระบบกลไกอัตโนมัติ Calibre HMC 804 ที่มีพลังงานสำรองยาวนานถึง 3 วันที่ได้รับการพัฒนา และประกอบขึ้นจากโรงงานผลิตของแบรนด์ทั้งหมด

Chronograph – กลไกจับเวลา

Omega Speedmaster Super Racing

Omega Speedmaster Super Racing 32930445101003 At Cortina Watch

Speedmaster Super Racing นับเป็นนาฬิกาเรือนแรกของ OMEGA ที่ใช้เทคโนโลยี Spirate เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการบอกเวลา

ผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาสปอร์ตตัวจริงจะต้องคุ้นเคยกับนาฬิกาจับเวลา Chronograph ที่สร้างขึ้นเพื่อแยกการจับเวลาแสดงผ่านหน้าปัดย่อย ทำให้นาฬิกา Chronograph เหมาะสำหรับการพัฒนาเป็นอุปกรณ์บอกเวลาเพื่อการดำน้ำ และสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจในการแข่งขันรถ

Omega Speedmaster Super Racing ถือเป็น 1 ในนาฬิกา Chronograph ที่มีความล้ำสมัยด้านเทคนิคที่สุดในปัจจุบัน ไม่เพียงแยกการจับเวลาได้เท่านั้น แต่มีความแม่นยำที่ไม่มีนาฬิกาเรือนใดเทียบได้ ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยี ‘Spirate’ ประกอบด้วยสายใยนาฬิกา Silicon Balance Spring ที่ได้รับการปรับตั้งจนสามารถรับรองความคลาดเคลื่อนที่ลดลงเหลือ 0/+2 วินาทีต่อวัน และการผ่านมาตรฐานรับรองความเที่ยงตรง Master Chronometer ทำให้ Speedmaster Super Racing มีความต้านทานสนามแม่เหล็กสูงสุด 15,000 เกาส์ ด้วยรูปลักษณ์ดุจสัตว์ร้ายที่เทสโทสเตอโรนกำลังสูบฉีดทั่วร่าง Speedmaster Super Racing มาพร้อมตัวเรือนเหล็กขนาด 44.2 มม. เพิ่มความดุดันด้วยวงแหวนเซรามิกสีดำ และการตกแต่งหน้าปัดที่ดึงดูดใจพร้อมสเกลบอกนาทีเหมือนในสนามแข่งที่เป็นอีกเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่นนี้

Perpetual Calendar – ปฏิทินถาวร

Breguet Quantième Perpétuel 7327

Breguet Quantieme Perpetuel 7327 At Cortina Watch

นาฬิกา Breguet Quantième Perpétuel 7327 เปลี่ยนแปลงการแสดงปฏิทินถาวรด้วยการตกแต่งที่ประณีต และความชัดเจนระดับสูงในการอ่านค่า

เมื่อพูดถึงการใช้งานจริงคงไม่มีกลไกใดซับซ้อนเท่ากับ Perpetual Calendar ที่ถูกคิดค้นขึ้นในศตวรรษที่ 18 โดยจะแสดงเวลาบนปฏิทินอย่างครบถ้วนด้วยการมองเพียงครั้งเดียวจะเห็นทั้งวันที่, วันในสัปดาห์, ปีอธิกสุรทิน และช่วงเวลาข้างขึ้นข้างแรม ในขณะเดียวกันกลไก Perpetual Calendar ยังมีการคำนวณระยะเวลาของเดือนที่แตกต่างโดยอัตโนมัติ 

  ตามปกติระบบกลไก Perpetual Calendar จะประกอบด้วยชิ้นส่วนจำนวนมาก ทำให้นาฬิกามีน้ำหนักเยอะกว่าปกติ แต่สำหรับ Breguet Quantième Perpétuel 7327 ตัวเรือนขนาด 39 มม. ตัวเลือกวัสดุทองคำขาว และโรสโกลด์ มีความบางที่น่าเหลือเชื่อ และความประณีตในงานฝีมือ โดยระบบกลไกอัตโนมัติที่พวกเขาพัฒนาขึ้นเองมีขนาดความสูงเพียง 4.5 มม. และแน่นอนว่าสามารถใส่กลไก Perpetual Calendar ทั้งหมดเอาไว้ได้ พร้อมรับรองความเที่ยงตรง และอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วยชิ้นส่วนหน่วยควบคุมความเร็ว (Escapement) ที่มีส่วนประกอบของซิลิคอน

Minute Repeater – กลไกระฆังบอกเวลา

Bulgari Octo Finissimo Minute Repeater

Bulgari Octo Finissimo Minute Repeater 103669 At Cortina Watch

Bulgari Octo Finissimo Minute Repeater ครองสถิติโลกของนาฬิการะบบกลไกระฆังบอกเวลาที่มีตัวเรือนบางที่สุด

การสร้างกลไกที่ซับซ้อนเพื่อติดตามการทำงานของนาฬิกาในทุกวินาที ทำให้ Minute Repeater สามารถตีบอกเวลาตามต้องการพร้อมมีเสียงระฆังบอกทุกชั่วโมง, 15 นาที หรือตามเวลาที่ตั้งล่วงหน้า โดยปัจจุบันนาฬิการะบบกลไกระฆังบอกเวลาได้รับการยกย่องให้เป็นเหมือนงานศิลปะแห่งเรือนเวลา กลายเป็นที่ต้องการของบรรดานักสะสมที่ประเมินมูลค่าจากคุณภาพของเสียงระฆัง

การผสมผสานเสน่ห์เสียงแบบดั้งเดิมของนาฬิการะบบกลไกระฆังบอกเวลากับนวัตกรรมยุคใหม่ ทำให้ Bulgari Octo Finissimo Minute Repeater แตกต่างจากนาฬิกาที่มีระบบกลไกนี้ในปัจจุบัน หลังจากเปิดตัวเมื่อปี 2016 นาฬิกาที่ใช้กลไกไขลานขนาดความสูงเพียง 4.5 มม. และความบางที่กลายเป็นสถิติโลกใหม่ แต่คุณภาพเสียงระฆังของ Bulgari Octo Finissimo Minute Repeater ไม่เคยเป็นที่สงสัย ทุกครั้งที่ใช้งานกลไกเสียงตีระฆังจะมีความก้องกังวาล และความใสชัดเจน ทำให้เมื่อปี 2022 Bulgari ปรับปรุงโมเดลสำคัญด้วยการเพิ่มสิ่งใหม่เข้ามา ตัวเรือนที่ยังคงมีขนาดเท่าเดิม 40 มม. ใช้วัสดุไททาเนียม แต่มีความหนาเพียง 6.85 มม. จับคู่กับหน้าปัดสีน้ำเงินด้าน และเพิ่มความหนักแน่นด้วยสายนาฬิกายาง

Two-Time Zone – การแสดง 2 เขตเวลา

TUDOR Black Bay GMT

Tudor Black Bay Gmt M79830rb 0010 At Cortina Watch

ในปีนี้ TUDOR ทำการอัปเดต Black Bay GMT ด้วยหน้าปัดสีขาว Opaline เพื่อให้เข้ากับขอบตัวเรือนแสดงหลักเวลา 24 ชั่วโมงที่เป็นการไล่เฉดสีจากน้ำเงินสู่สีแดงเบอร์กันดี้

ไม่มีผู้รักนาฬิกาคนใดยอมเผชิญความยุ่งยากระหว่างการเดินทางโดยไม่มีนาฬิกา GMT ซึ่งย่อมาจาก Greenwich Mean Time หรือเวลามาตรฐานกรีนิชที่ผู้คนทั่วโลกใช้งาน โดยนาฬิกา GMT จะแสดงเวลา 2 เขตเวลาหรือมากกว่าพร้อมกัน เพื่อสามารถรู้เวลาที่บ้านของคุณ และตำแหน่งปัจจุบันที่เดินทางมาถึง

TUDOR Black Bay GMT เป็นหนึ่งในเพื่อนคู่ใจของนักเดินทางด้วยการมีครบทั้งสไตล์ และประสิทธิภาพ บนหน้าปัดจะมี 2 เข็มชั่วโมง – เข็มแรกเพื่อบอกเวลาปัจจุบัน และอีกเข็มเพื่อบอกเขตเวลาที่ 2 ด้วยการทำงานร่วมกับขอบตัวเรือนที่แสดงตัวเลข 24 ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre MT5652 คิดค้นขึ้นโดย TUDOR พร้อมผ่านการรับรองมาตรฐานจากสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงของนาฬิกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์ (Official Swiss Chronometer Testing Institute หรือ COSC) สำหรับเวอร์ชั่นของปีนี้จะมาพร้อมตัวเรือนเหล็กขนาด 41 มม. หน้าปัดสีขาว Opaline ที่มีความสวยงามลงตัวกับขอบตัวเรือนสไตล์ ‘Pepsi’ – ที่เป็นการไล่เฉดสีจากน้ำเงินสู่สีแดงเบอร์กันดี้

World Timer – กลไกแสดงเวลารอบโลก

Montblanc 1858 Geosphere Chronograph 0 Oxygene The 8000

Montblanc 1858 Geosphere Chronograph 0 Oxygene The 8000 At Cortina Watch

กลไก Complication แสดงเวลารอบโลกของ Geosphere ประกอบด้วยแผนที่โลกแบ่งเป็น 2 ส่วนบนหน้าปัดย่อยทรงโดมที่หมุนได้ โดยมีเส้นกำหนดมาตราส่วนพร้อมแสดงเวลา 24 โซน และเข็มระบุเวลากลางวัน/กลางคืน

การที่ Montblanc 1858 Geosphere Chronograph 0 Oxygene ได้แรงบันดาลใจจากความสำเร็จของ Reinhold Messner หนึ่งในนักปีนเขา และนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ในยุคของเรา นับเป็นการยกย่องที่เหมาะสมอย่างที่สุดจาก Montblanc ในการอุทิศนาฬิกาที่มีระบบกลไกแสดงเวลารอบโลก World Timer ที่มีความซับซ้อนสูงเพื่อแสดงให้เห็นจิตวิญญาณแห่งการปีนเขา และการสำรวจโลกกว้าง 

  กลไก World Timer จะแสดงผ่านแผนที่โลกบน 2 หน้าปัดย่อยรูปทรงโดมที่หมุนได้ โดยแบ่งเป็นซีกโลกเหนือ และซีกโลกใต้ แต่ละหน้าปัดย่อยจะล้อมรอบด้วยสเกลบอกเวลา 24 ชั่วโมง และเข็มระบุช่วงเวลากลางวัน/กลางคืน รวมทั้งมีหน้าปัดย่อยในตำแหน่ง 9 นาฬิกาเพื่อแสดงเขตเวลาที่ 2 ในขณะที่ความซับซ้อนของการเดินทางทั่วโลกมอบความโดดเด่นทางเทคนิคให้นาฬิกาตัวเรือนไททาเนียมขนาด 42 มม. โครงสร้าง และการออกแบบยังมีความมหัศจรรย์เช่นกัน ด้วยการป้องกันไม่ให้มีออกซิเจนอยู่ภายในตัวเรือนที่ไม่เพียงสื่อถึงแรงบันดาลใจจาก Messner มนุษย์คนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์โดยไม่ใช้ถังออกซิเจน แต่ยังเป็นการปกป้องนาฬิกาไม่ให้เกิดฝ้าหรือปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidisation) กับชิ้นส่วนภายในอีกด้วย